เด็กเล

Supphachoke Suntiwichaya
1 min readJan 5, 2019

--

พายุปาบึกเพิ่งผ่านพ้นไปหลายคนได้รับผลกระทบสร้างความเสียหาย เรื่องพายุกับผมนี่ถ้าจำความได้ก็คงมีแต่พายุเกย์ที่หนักๆ นอกนั้นก็เป็นลมมรสุมประจำปี การมีบ้านอยู่ใกล้ทะเลแค่เพียงไม่กี่ร้อยเมตร มันก็จะเป็นที่อิจฉาสำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับผมมันก็ออกแนวกลัวๆ นะทะเลเอาแน่เอานอนไม่ได้ ฤดูมรสุมมาถึงการใช้ชีวิตมันลำบาก ฝนตกลมแรงทั้งวันติดต่อกันหลายๆ วันยิ่งเมื่อก่อนข่าวสารเตือนภัยไม่ได้รวดเร็วเหมือนสมัยนี้ เตี่ยจะมีวิทยุทรานซิสเตอร์เอาไว้ฟังข่าวทุกวัน โดยเฉพาะข่าวพยากรณ์อากาศที่ต้องฟังไม่ได้ขาดยิ่งตอนที่เตี่ยยังออกทะเลจะตั้งใจฟังทุกวัน แม้จะไม่ได้ออกทะเลแล้วก็ยังฟังอยู่

สาเหตุที่กลัวพายุและทะเลก็คงจะเป็นตอนเด็กๆ ตอนนั้นลุ้นพายุเกย์ว่าจะขึ้นฝั่งที่ไหนซึ่งตลอดแนวชายฝั่งมันมีสิทธิทุกที่ ช่วงนั้นฝนตกไม่ลืมหูลืมตาลมแรงมากพัดหลังคาสั่นผับๆ ตอนนั้นบ้านเป็นหลังคาสังกะสี ตัวบ้านเป็นไม้ปลูกมานานหลายปี นอนฟังเสียงลมฝน ก็คิดในใจว่าจะหนีไปไหนดี ศูนย์กลางพายุขึ้นที่ปะทิว จังหวัดชุมพร ก็ถือว่าเฉียดแถวบ้านไปไม่มากถ้าเทียบกับขนาดพายุ ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าสภาพของพื้นที่ประสบภัยเป็นยังไง ก็ต้องรอภาพข่าวหนังสือพิมพ์ ที่บ้านยังไม่มีทีวี จริงๆ หนังสือพิมพ์ก็ไม่มีให้อ่าน หุหุ หลังจากพายุเข้าสักพักไม่แน่ใจว่าผ่านไปกี่วัน แต่จำได้ว่าวันนั้นเดินไปโรงเรียนประถมตอนเช้ามีคนมุงดูอะไรกันที่ชายหาด เลยวิ่งลงไปดูด้วย จำได้ว่าตอนแรกไม่รู้ว่าอะไรเห็นแค่เป็นก้อนเสื้อผ้า มารู้ตอนหลังว่าเป็นศพที่เหลือแต่ลำตัวลอยมาขึ้นที่ชายหาด ก็เพิ่มความหลอนเข้าไปอีก

เรื่องทะเลกับศพหรือเรื่องเล่านี่มีเยอะมากทำให้ไม่ค่อยกล้าออกไปเดินชายหาดคนเดียว เคยไปดูศพโดนยิงในทะเลแล้วมาเกยชายหาดไม่ไกลจากบ้าน ตอนนั้นไม่รู้ว่าใครเค้าเลยขุดหลุมฝังไว้ที่ชายหาดนั่นแหละ เราก็ไปดูกับเค้าด้วย กลิ่นศพรุนแรงมากเพิ่มความกลัวฝังใจเข้าไปอีกบริเวณที่ฝังศพ ผมนี่ไม่กล้าเดินผ่านเลย ถ้าจำเป็นต้องผ่านก็รีบวิ่งโดยเร็ว ศพนี้ตอนหลังญาติๆ เค้ามาขุดทำพิธี ยังมีคนโดนฆ่าในเรือไม่ไกลจากบ้านนัก โดนขวานจามหน้าเละตอนนั้นไม่ได้ไปดูแค่ฟังเค้าเล่าก็กลัวละ อีกเหตุการณ์ก็สองพ่อลูกตกเรือตายทั้งคู่ศพลอยมาใกล้ๆ บ้านอีกเค้าหามศพขึ้นมาแถวๆ ที่ฝังศพคนก่อนจำได้ลางๆ ว่าวิ่งไปดูกับเค้าด้วยเค้าห่อเสื่อแล้วใส่คานหาม ดังนั้นจุดที่เค้าหามขึ้นมาผมก็จะหลีกเลี่ยงตอนค่ำๆ ถ้าผ่านตรงนั้นก็จะรู้สึกเย็นหลังวาบๆ ตลอด

ส่วนเรื่องเล่านี่คนเฒ่าคนแก่เล่าว่าที่ที่อยู่นั้นเมื่อก่อนเคยมีคนแขกมาปลูกขนำอยู่ที่ริมทะเล อาชีพหาปลา เคยมีคนเห็น(วิญญาณ)เดินอยู่แถวนั้นบ่อยๆ เหอๆ แล้วใครจะกล้าออกไปเดินคนเดียวละ และอีกตำนานเล่าว่าเจ้าของที่เก่าตรงนั้นโดนพายุตายหมด ก่อนที่บรรพบุรุษเข้ามาจับจองที่กัน เรื่องนี้จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ แต่ก็หลอนๆ มักมีคนเห็นคนใส่ชุดขาวเดินไปมาเหมือนกัน 😖

ส่วนเรื่องทะเลที่ไม่ค่อยชอบเพราะตอนเด็กๆ เตี่ยเคยพานั่งเรือออกไปเก็บอวนด้วย ออกไปเช้ามืดมองอะไรไม่เห็นเลย พอสว่างก็อยู่กลางทะเลมองไปทางไหนก็มีแต่น้ำ ว่ายน้ำก็ไม่เป็นอีก มันน่ากลัวอะ เตี่ยนี่เก่งอยู่กลางทะเลอวนติดอะไรไม่รู้แกกระโดดลงไปเลยหายไปสักพักก็กลับขึ้นมา เหอๆ เตี่ยว่ายน้ำเก่ง ดำน้ำก็เก่ง แกพาไปเล่นน้ำทะเลแกดำน้ำแล้วไปโผล่อีกที่ซึ่งไกลมากและเร็วมากด้วย แต่ผมนี่ไม่ได้มาเลยฮาๆ และที่เตี่ยพาไปก็ตอนนอนเฝ้าเรือ จอดเรือไว้ในทะเลก็ต้องไปนอนเฝ้าไม่งั้นหาย จำได้ว่าการนอนบนเรือมันไม่สบายเอาเสียเลย ลมแรงค่ำๆก็อุ่นดี แค่พอใกล้สว่างนี่แหละมันหนาวมาก นอนห่มกระสอบป่านแทบไม่ช่วยอะไรเลย คือหนาวปากสั่นอะ

วกมาเรื่องลมทะเลพอช่วงมรสุมขยะนี่ลอยมาเต็มชายหาดเลยซึ่งมีสารพัดมีแทบทุกอย่าง ตอนนั้นของเล่นแทบไม่ต้องซื้อเดินช็อปเอาที่หายหาดนี่แหละ รถพลาสติก ตุ๊กตา ตุ๊กตุ่น มีครบ และที่สำคัญคือพวกขยะพวกเขือก พลาสติก เตี่ยจะเก็บมาชายก็มีค่าขนม พวกไม้ไผ่ก็เอามาทำแคร่บ้าง ใช้ประโยชน์ได้สารพัด บางลำมีหอยแมลงภู่เกาะมาด้วยก็ลาภปาก มีอยู่ปีหนึ่งตอนนั้นผมไปเรียนไม่ได้อยู่บ้านลมหมุนพัดผ่านบ้านพอดี จากที่เคยมีสองชั้นลมมันหอบชั้นสองไปซะงั้น ปิดเทอมกลับมาบ้านอ้าว ไหงกลายเป็นบ้านชั้นเดียวไปซะแล้ว

ความทรงจำเกี่ยวกับทะเลก็จะน่ากลัวแบบนี้แหละ

--

--

No responses yet